คำอธิบายความหมายของค่าต่างๆ
Sharpe Ratio (อัตราส่วนชาร์ป): ยิ่งสูงยิ่งดี เป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าของการลงทุน โดยจะบอกว่า "เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่เท่ากัน กองทุนไหนสร้างผลตอบแทนส่วนเกินได้ดีกว่า" กองทุนที่มี Sharpe Ratio สูง หมายความว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีเมื่อเทียบกับความผันผวนของตัวเอง
Performance (ผลการดำเนินงานย้อนหลัง): เป็นอัตราผลตอบแทนของกองทุนในช่วงเวลาต่างๆ ที่ผ่านมา เช่น 1 ปี (1Y), 3 ปี (3Y) หรือ 5 ปี (5Y) เป็นเพียงข้อมูลในอดีต และไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต แต่ช่วยให้เราเห็นแนวโน้มและลักษณะของกองทุนได้
Maximum Drawdown (ผลขาดทุนสูงสุด): ยิ่งตัวเลขติดลบน้อยยิ่งดี เป็นการวัดความเสี่ยงโดยดูจาก "ผลขาดทุนที่สูงสุด" ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น -10% หมายความว่าในช่วงที่ตลาดแย่ที่สุด กองทุนนี้เคยมีมูลค่าลดลงไปถึง 10% จากจุดสูงสุด ช่วยให้เราประเมินได้ว่าเราจะรับมือกับการขาดทุนระดับนั้นได้หรือไม่
FX Hedging (การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน): เนื่องจากกองทุนเหล่านี้ไปลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงจากค่าเงินที่ผันผวน นโยบายนี้จะบอกว่ากองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงด้านนี้หรือไม่ โดย "ตามดุลยพินิจ" หมายถึง ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาป้องกันความเสี่ยงตามสถานการณ์ตลาด อาจจะป้องกันบางส่วน, เต็มจำนวน หรือไม่ป้องกันเลยก็ได้
ประเภทกองทุน: "Feeder Fund" คือกองทุนของไทยที่ระดมเงินไปลงทุนในกองทุนหลัก (Master Fund) ที่ต่างประเทศเพียงกองเดียว ส่วน "Fund of Funds" คือกองทุนของไทยที่ระดมเงินไปลงทุนในกองทุนรวมอื่นๆ อีกหลายๆ กองทุน
ค่าธรรมเนียมรวม (Total Expense Ratio): คือค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่กองทุนเรียกเก็บจากนักลงทุน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปีของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ค่าธรรมเนียมนี้จะถูกหักออกจาก NAV โดยอัตโนมัติ ดังนั้นยิ่งต่ำก็ยิ่งส่งผลดีต่อผลตอบแทนระยะยาวของเรา